top of page

Robot Jacket ชุดคลุมหุ่นยนต์ มีอายุการใช้งานกี่ปี เมื่อไหร่ต้องเปลี่ยน

  • รูปภาพนักเขียน: ma wxs
    ma wxs
  • 28 ต.ค.
  • ยาว 1 นาที
ree

ปัจจุบันอุตสาหกรรมเริ่มพึ่งพาหุ่นยนต์มากขึ้น “Robot Jacket” หรือชุดคลุมป้องกันหุ่นยนต์ จึงกลายเป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์สำคัญที่หลายคนอาจมองข้าม มันไม่ได้มีไว้แค่เพิ่มความเท่ให้แขนกล แต่ยังทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันจากฝุ่นละออง น้ำมัน ความร้อน หรือแม้แต่สะเก็ดไฟที่อาจทำลายระบบภายในได้ แต่ถึงอย่างนั้น ชุดคลุมเหล่านี้ก็ไม่ได้ทนไปตลอดกาลบทความนี้จะพาไปดูว่า Robot Jacket มีอายุการใช้งานโดยเฉลี่ยกี่ปี อะไรคือสัญญาณเตือนว่าถึงเวลาต้องเปลี่ยน และมีวิธีดูแลอย่างไรให้ใช้งานได้นานที่สุด

อายุการใช้งานของ Robot Jacket โดยทั่วไป

ree

โดยเฉลี่ยแล้ว Robot Jacket คุณภาพดีจะมีอายุการใช้งานอยู่ที่ 3–5 ปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับวัสดุและสภาพแวดล้อมที่ใช้งาน ถ้าเป็นงานทั่วไปในไลน์ประกอบอิเล็กทรอนิกส์ หรืออุตสาหกรรมรถยนต์ที่ไม่มีความร้อนหรือสารเคมีกัดกร่อนมากนัก ชุดคลุมมักอยู่ได้ถึง 4–5 ปี แต่ถ้าเป็นหุ่นยนต์ที่ทำงานเชื่อมโลหะ หรืออยู่ในพื้นที่อุณหภูมิสูง อายุการใช้งานจะลดลงเหลือประมาณ 2–3 ปี

วัสดุที่ใช้ก็มีผลอย่างมากกับความทนทาน เช่น

  • ผ้าไฟเบอร์เคลือบซิลิโคน ทนความร้อนได้ดี เหมาะกับหุ่นยนต์เชื่อม

  • ผ้าไนลอนเคลือบพีวีซี ป้องกันฝุ่นและของเหลวได้ดี ใช้ในโรงงานทั่วไป

  • วัสดุป้องกันไฟฟ้าสถิต (ESD Fabric) เหมาะกับงานอิเล็กทรอนิกส์ที่ต้องการความแม่นยำสูง

ยิ่งเลือกวัสดุให้เหมาะกับประเภทงาน ก็ยิ่งช่วยยืดอายุการใช้งานได้มากขึ้น

สัญญาณที่บอกว่าถึงเวลาต้องเปลี่ยน

แม้ Robot Jacket จะทนแค่ไหน แต่เมื่อถึงเวลามันก็ต้องถูกเปลี่ยนใหม่อยู่ดี โดยสัญญาณที่ควรสังเกตมีดังนี้

  • มี รอยขาดหรือฉีก บริเวณข้อต่อ ทำให้ฝุ่นหรือเศษโลหะเข้าไปภายในได้

  • ชั้นเคลือบเริ่มหลุดลอก หรือมีคราบไหม้จากความร้อน

  • หุ่นยนต์เริ่มทำงาน สะดุดหรือมีอุณหภูมิสูงผิดปกติ ซึ่งอาจเกิดจากการระบายอากาศไม่ดีเพราะ Jacket เสื่อม

  • Jacket มีการ หดตัวหรือแข็งกระด้าง จนขยับตามแขนกลได้ไม่สมบูรณ์

หากพบอาการเหล่านี้ ควรรีบเปลี่ยนใหม่ทันที เพราะการฝืนใช้งานต่ออาจทำให้เกิดความเสียหายกับระบบกลไกภายใน และเพิ่มความเสี่ยงต่อการหยุดชะงักของสายการผลิตได้

วิธีดูแลให้ Robot Jacket ใช้งานได้นานขึ้น

การดูแลที่ถูกวิธีช่วยยืดอายุ Robot Jacket ได้หลายปี เช่น

  • หมั่น ตรวจเช็กสภาพผิววัสดุเป็นประจำ โดยเฉพาะบริเวณที่หุ่นยนต์เคลื่อนไหวบ่อย

  • ทำความสะอาดหลังเลิกงาน เพื่อป้องกันคราบน้ำมัน ฝุ่น หรือเศษโลหะเกาะติด

  • หลีกเลี่ยงการพับหรือบิดงอแรง ๆ เพราะอาจทำให้เส้นใยหรือเคลือบผิวเสียรูป

  • หากต้องเก็บไว้ ควรเก็บใน พื้นที่แห้ง ไม่ชื้น และห่างจากแสงแดดโดยตรง

เมื่อดูแลดีและเปลี่ยนตามรอบที่เหมาะสม หุ่นยนต์ก็จะทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ลดโอกาสเกิดความเสียหายจากสิ่งแวดล้อม และยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายระยะยาวอีกด้วย

 
 
 

ความคิดเห็น


bottom of page